Skip to content

10 คำถามเกี่ยวกับ เครื่องตรวจจับควัน และเครื่องตรวจจับความร้อน

10 คำถามเกี่ยวกับ “เครื่องตรวจจับควัน”

อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ หรือที่หลายคนเรียกทับศัพท์ว่า Smoke Detector (สโมคดีเทคเตอร์) หรือ Smoke Sensor คือ อุปกรณ์ป้องกันเหตุเพลิงไหม้ โดย Smoke Detector สามารถตรวจจับอนุภาคควันไฟได้ โดยที่เมื่อเกิดเพลิงไหม้ สิ่งแรกที่ลอยขึ้นไปบนอากาศจะเป็นควัน จึงทำให้ Smoke Detector ทำงานส่งสัญญาณเตือนภัย (Signaling Equipment) ไม่ว่าจะเป็น เสียง และ แสง ซึ่งช่วยให้คนที่อยู่บริเวณรอบข้างปลอดภัย และอพยพหนีไฟได้ทันท่วงที

      

1.เครื่องตรวจจับควันคืออะไร?

เครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector) คืออุปกรณ์ตรวจจับควันที่เกิดจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งโดยมากการเกิดเพลิงไหม้จะเกิดควันก่อน จึงทำให้สามารถตรวจพบเพลิงไหม้ตั้งแต่การเกิดเพลิงไหม้ระยะแรก และระงับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว Smoke Detector แบบ Ionization ประกอบไปด้วยแผ่นชาร์จประจุ และสารแผ่รังสี โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ Americium 241 โดยการทำงานของ lonization smoke detector จะทำงานด้วยการวัดค่าหรือตรวจจับโมเลกุลในอากาศด้วยแผ่นชาร์จประจุ เมื่อมีการเผาไหม้เกิดขึ้นความชื้นและความกดดันในอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ lonization smoke detector สามารถตรวจจับได้ ทั้งนี้ smoke detector แบบ lonization เมื่ออยู่ในบริเวณที่ฝุ่น และความชื้นมากเกินอาจจะทำให้อุปกรณ์ตรวจจับควันทำงานผิดพลาดได้ ทั้งนี้ยิ่ง Smoke Detector มีความไวในการตรวจจับมากเท่าไหร่ อาจจะยิ่งทำให้ส่งสัญญาณเตือนภัยผิดพลาดได้มากขึ้น

เครื่องตรวจจับความร้อน (Heat Detector) คืออุปกรณ์ตรวจจับความร้อนจากการเผาไหม้ของวัตถุ สามารถตรวจจับไฟไหม้ที่มีความร้อนสูงแต่ไม่มีควัน โดยมี 2 แบบหลักๆ คือ 1. แบบอุณหภูมิคงที่ (Fixed Temperature) ที่นิยมก็คือถ้าเกินกว่า 58 องศาเซลเซียสเครื่องก็จะเตือน ส่วนแบบที่ 2 คือ แบบอัตราเพิ่มของอุณหภูมิ (Rate of rise) เครื่องจะเตือนเมื่ออุณหภูมิสูงเกินที่กำหนด เช่น  58 องศาเซลเซียสต่อนาที เป็นต้น

2.ทำไมต้องมีเครื่องตรวจจับควัน?

คอนโดที่เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ทั้งหมดเกิน 2,000 ตารางเมตรหรือ อาคารที่สูงเกิน 23 เมตร กฎหมายกำหนดให้ต้องติดตั้งระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ คือ เครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector) หรือเครื่องตรวจจับความร้อน (Heat Detector) และตัวส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm) ให้เหมาะสมด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย เพราะการอยู่คอนโดเป็นการอยู่รวมกันของคนจำนวนมาก อาจทำให้การดูแลและการระงับเหตุไฟไหม้ได้ไม่ทันท่วงที อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะช่วยให้เราไม่เสียชีวิตและทรัพย์สิน หรือเสียหายน้อยที่สุด

 

3.ถ้าคอนโดไม่มีซื้อมาติดเองได้ไหม?

อาคารขนาดใหญ่ที่มีขนาดพื้นที่ทั้งหมดเกิน 2,000 ตารางเมตรหรือ อาคารที่สูงเกิน 23 เมตร จะต้องติดตั้งทั้งระบบ ทั่วอาคาร ซึ่งมีความยุ่งยาก หลายขั้นตอนในการติดตั้ง และต้องตรวจสอบระบบว่าสามารถทำการได้อย่างปกติหรือไม่ หากเป็นอาคารปกติ สามารถติดดตั้งเองได้สามารถซื้อทางออนไลน์หรือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านได้ ควรเลือกแบบที่มีการส่งสัญญาณในเครื่องเลย (Smoke Alarm) เพราะไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบอาคาร คลิก >> เช็คราคาเครื่องตรวจจับควันและเครื่องตรวจจับความร้อน

 

4.ติดเครื่องตรวจจับควันตำแหน่งไหนดี?

การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันและความร้อนต้องติดตั้งในตำแหน่งที่ตรวจจับได้สะดวก ก่อนติดตั้งต้องมีการวิเคราะห์ทิศทางของลม พื้นผิวของเพดาน โดยปกติแล้วจะเห็นติดอยู่ที่บริเวณกลางห้อง ติดที่เพดานความสูงไม่เกิน 10.50 เมตรจากพื้น (คอนโดทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 2.60 เมตร) หรือติดที่เพดานห้องหรือผนังห้องในจุดที่สูงไม่เกิน 10 เมตร และไม่ควรต่ำเกินไป เพราะควันจะลอยขึ้นที่สูงเสมอ

 

5.ในคอนโดสัญญาณเตือนดังยังไง?

หากเครื่องตรวจจับควันหรือความร้อนได้ เครื่องจะทำการส่งสัญญาณเตือนไปที่ส่วนกลาง จะไม่ร้องดังที่ห้องของเรา เจ้าหน้าที่ดูแลจะปิดสัญญาณเตือนส่วนแรก หลังจากนั้นก็จะเข้ามาตรวจสอบที่ห้องของเราดูว่า เราทำอะไรที่เป็นเหตุให้เครื่องดัง หากเจ้าหน้าที่ปล่อยให้สัญญาณที่ส่วนกลางดังนานเกินไป ระบบก็จะส่งให้เสียงนั้นดังไปทั่วอาคาร เพื่อแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ ให้ทุกคนอพยพลงมาที่จะรวมพล ดังนั้นอาคารใดมีเครื่องตรวจจับควันหากทำอาหารหรือทำควันจนทำให้เครื่องร้องดังขึ้นมา หากไม่มีความร้อนร่วมด้วย Sprinkler จะไม่ทำงานแน่นอน

 

6.เมื่อสัญญาณเตือนดังขึ้น จะมีน้ำพ่นลงมาไหม?

สัญญาณเตือนเกิดขึ้นจาก 3 อย่างนี้ คือ 1. เครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector) มีควันถึงจุดที่กำหนด 2. เครื่องตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีความร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนด และ 3. มีผู้ดึงหรือกดสัญญาณเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm) เท่านั้น น้ำที่พ่นลงมานั้นมาจากความร้อนทำให้หัว Sprinkler เปิดออก โดยกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือมีเครื่องตรวจจับความร้อนดัง ไม่นานก็อาจจะทำให้มีน้ำพ่นลงมาจาก Sprinkler ได้ ดังนั้นเครื่องตรวจจับไม่ได้ทำให้น้ำพ่นลงมา

 

7.เครื่องตรวจจับ สามารถจับได้แค่ควันใช่หรือไหม?

เครื่องตรวจจับควันนั้นมี 2 แบบ การทำงานก็จะแตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์คือแจ้งเตือนได้เหมือนกัน ประเภทที่หนึ่งคือตรวจจับควัน ประเภทที่สองตรวจได้ทั้งควันและความร้อน ประเภทที่สามทั้งควันความร้อนและก๊าซ ขึ้นอยู่กับพื้นที่และรุ่นที่เราเลือกใช้

 

8.ถ้าไม่ได้ตั้งใจทำให้สัญญาณเตือนดังจะถูกปรับหรือไม่?

หากทำกับข้าว ปิ้งย่าง สูบบุหรี่ หรือทำเหตุให้เกิดควันไปโดนจุดเซ็นเซอร์ทำให้เครื่องเตือน สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาระงับเหตุอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถรู้จุดได้ทันทีว่าห้องไหน ตำแหน่งไหน เรื่องการโดนปรับหรือไม่โดนปรับคงต้องอยู่ที่นิติบุคคลแต่ละโครงการ

9.หากไม่เอาฝาครอบออกหรือตั้งใจปิดเครื่องผิดกฎหมายหรือไม่?

อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายแต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การอยู่คอนโดเป็นการอยู่อาศัยร่วมกับคนจำนวนมาก ดังนั้นจำเป็นต้องเคารพกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด การปิดเครื่องตรวจจับควันหรือเครื่องตรวจจับความร้อนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่ง

10.หากถอดเครื่องออกจะเป็นอะไรหรือไม่?

โดยปกติแล้วเครื่อง Smoke Detector และ Heat Detector จะมีไฟกระพริบเมื่อเครื่องอยู่ในสถานะที่ทำงาน บางท่านจะทำให้เกิดความรำคาญใจได้ เมื่อถอดเครื่องออกเสียงจะไปเตือนที่ส่วนกลาง ดังนั้นคือห้ามถอดเครื่องออก หรือห้ามปิดเครื่อง

เครื่องตรวจจับควันและเครื่องตรวจจับความร้อน เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ช่วยเตือนเราให้รู้ตัวก่อนที่ไฟจะลุกลามไปทั่วทั้งอาคาร ยิ่งเป็นอาคารสูงคอนโดแล้วการเตือนภัย การอพยพ และความรู้เรื่องการหนีไฟเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก การซ้อมหนีไฟไหม้ก็ถือเป็นการตรวจเช็กระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ไปในตัวด้วย เพราะไม่ใช่แต่ติดตั้งแล้วหายไป เป็นหน้าที่ของนิติบุคคลที่ต้องหมั่นดูแลและเปลี่ยนเมื่อเครื่องไม่ทำงานแล้ว

แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้ง Smoke Detector ให้ปรึกษาร้านค้าหรือผู้เชี่ยวชาญว่าควรสถานที่ที่คุณจะติดตั้ง Smoke Detector ควรติดตั้งแบบใดจึงจะเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด หากท่านใดมีข้อสงสัย หรือสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

โทร: 081-320-0474 , 084 787 3331 , 088-557-6671
Line: @380fhjth
Instagram: rr_product123
Spread the love
Back To Top